วันอังคาร, 31 ธันวาคม 2567

“หาดใหญ่ปราศัยสร้างสรรค์” ประชาธิปัตย์ จัดทีมเศรษฐกิจ ขึ้นเวที ช่วย นิพัฒน์ เบอร์ 4 เป็น ส.ส.เขต 2 สงขลา ชู ศักยภาพเมืองหาดใหญ่มีความพร้อมด้านคมนาคม รองรับการขยายตัวเศรษฐกิจ-แก้ปัญหาจราจร ด้านนิพนธ์ฯ ขอบคุณ ประชาชนที่สนับสนุนปชป. ย้ำ พรรคไม่ทอดทิ้งหาดใหญ่

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำขุนพลทีมเศรษฐกิจ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งฯ พร้อมด้วยนายเมธี อรุณ (เมธี ลาบานูน (รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์) ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 2 นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังกวัดสงขลา นายนิยม พรรณราย รองประธานสภาเทศบาลนครหาดใหญ่ นายประสิทธิ์ ช่วยชูสกุล เลขานุการนายก อบจ.สงขลา
ขึ้นเวทีปราศรัยในหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจหาดใหญ่จะเป็นอย่างไร” และ เปิดวิสัยทัศน์ของนายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 4 โดยมีพี่น้องประชาชนในเขตเทศนครหาดใหญ่ และประชาชนผู้สัญจรไปมากว่าสองหมื่นคนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น ณ บริเวณลานหน้าหอนาฬิกาหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

ซึ่งในส่วนของ ดร.สามารถกล่าวช่วงหนึ่งว่า หาดใหญ่มีทำเลยุทธศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งภาคใต้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องขับเคลื่อนหาดใหญ่ด้วยระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งพรรคมีนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ รถโมโนเรล ซึ่งหาดใหญ่จะประสบปัญหาในเรื่องการจราจรติดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งอบจ.สงขลาในสมัยท่านนิพนธ์เป็นนายกอบจ.ได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยว มีระยะทางยาว 13 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่บ้านพรุ-รถตู้ตลาดเกษตรควนลังในระยะแรก ซึ่งขณะนี้ได้ทำประชาพิจารณ์ และทำในสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยหมดแล้ว ในส่วนระยะที่สองจะขยายเส้นทางจากสถานีน้ำพุ ถนนลพบุรีราเมศวร์ และจากสถานีคอหงส์ไปยังสวนสาธารณะหาดใหญ่ และระยะที่สาม จะเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างสถานีหาดใหญ่ในกับสถานีคลองเรียน จนถึงศูนย์การค้าไดอาน่า ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อรถตุ๊กตุ๊ก รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซด์

ดร.สามารถ กล่าวต่ออีกว่า เวลานี้ผมมีผลการศึกษา และแบบเบื้องต้นอยู่ในมือแล้ว การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ก็ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะผลักดันให้โมโนเรลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งก็จะแก้ปัญหารถติดในเมืองหาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นก็มีรถไฟรางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์เชื่อมต่อไปสู่กรุงเทพฯ ซึ่งจะทำให้ย่นระยะเวลาเหลือเพียง 8 -10 ชั่วโมง ซึ่งเป็นรถไฟที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า

เพื่อรองรับรถไฟจากประเทศมาเลเซียที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเช่นกัน ซึ่งจะทำให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น และจะทำให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในหาดใหญ่มากขึ้น รวมถึงจะช่วยกระตุ้นให้มูลค่าการค้าการขายชายแดนระหว่างไทย- มาเลเซียพุ่งสูงที่สุดของประเทศ ราว 660,000 ล้านบาท และในส่วนของถนนมอเตอร์เวย์ พรรคปชป.ทำสายแรกตั้งแต่กรุงเทพ – ชลบุรี โดยทำเป็นมอเตอร์เวย์ จตุรทิศ หาดใหญ่จากสะเดาไปด่านนอก แบบเสร็จแล้วเหลือเพียงการเจราจากับทางมาเลย์เท่านั้น ซึ่งจะทำให้การค้าขายการส่งออกดีขึ้น อีกเรื่องคือเรื่องของสะพานเชื่อมเกาะสมุย ถ้ามีสะพานใช้เวลาเพียง 20 นาที ซึ่งผมเป็นคนริเริ่มคิดในเรื่องนี้มานานแล้ว โดยทำเป็นแบบสะพานขึง ถ้ามีโครงการเหล่านี้จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวของชาวมาเลย์และสิงคโปร์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราต้องการทำหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางขนส่ง และศูนย์กลางการเงินให้ได้ เนื่องจากหาดใหญ่มีความพร้อมในทุกด้าน จึงต้องอาศัยแรงผลักดันจากพี่น้องประชาชนให้ความมั่นใจในพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกนายนิพัฒน์ อุดมอักษร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 4 และเลือกพรรคประชาธิปัตย์เบอร์ 26

ด้านนายนิพนธ์ ได้ขึ้นปราศรัยขอคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ จึงขอกราบเรียนกับพี่น้องชาวหาดใหญ่ว่าทำไมต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคให้ความสำคัญกับจังหวัดสงขลา และหาดใหญ่เพราะถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ และเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของภาคใต้หรือของประเทศไทย ดังนั้นจึงสบายใจได้ว่าพรรคไม่ทอดทิ้งหาดใหญ่เด็ดขาด และขอบคุณพี่น้องที่ผ่านมาได้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และได้เลือกผมเป็นนายก อบจ.สงขลา ซึ่งผมก็ทำอะไรไว้กับสงขลามากมาย อย่างที่หน้า ม.อ.ผมได้ทำบันไดเลื่อนข้ามถนน ซึ่งก็ถือว่าเป็นแห่งแรกของประเทศไทย เป็นนวัตกรรมบันไดเลื่อนที่ผมเป็นคนเริ่มทำ หรือบริเวณหน้าเทคนิคหาดใหญ่ ผมก็เป็นคนดำเนินการแก้ปัญหาน้ำท่วม จนปัจจุบันไม่มีน้ำท่วมขังในบริเวณดังกล่าว พราะผมนำน้ำลงคลอง ร.5 และยังทำอีกหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งทรายังไม่เรียบร้อยคือเรื่อง รถโมโนเรลที่ออกแบบแล้ว ศึกษาหมดแล้วขาดอย่างเดียวคือเรื่องของงบประมาณ

แต่วันนี้นโยบายรถโมโนเรลหาดใหญ่พรรคประชาธิปัตย์รับไปทำต่อ สิ่งหนึ่งที่จะพูดกับพี่น้องคือประชาธิปัตย์ทำอะไรมาบ้าง ในสมัยรัฐบาลนายชวนปี 2544 เป็นคนอนุมัติโครงการหมื่นกว่าล้านสร้างคลอง ร.1- ร.5 และรัฐบาลต่อมาต้องทำตามต่อ จากตัว วี เป็นตัวยู ผมก็อยู่ในคณะกรรมาธิการพิจารณาให้เปลี่ยนจากตัววี เป็นตัว ยูเป็นการแก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ นี่คือสิ่งที่จะบอกว่าสมัยท่านชวนเป็นรัฐบาล ท่านทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง พูดถึงนมโรงเรียนลูกหลานทุกคนได้ดื่มนมโรงเรียน ซึ่งเกิดจากพรรคประชาธิปัตย์คิด สมัยท่านชวนทำในปี พ.ศ.2536 จนปัจจุบันกว่า 30 ปีแล้ว และถ้าไม่ดีคงยกเลิกไปแล้ว และรอบนี้ถ้าพรรคเข้าไปเป็นแกนนำพรรคจะให้เด็กดื่มนมโรงเรียนทุกวัน ตลอด 365 วัน รวมถึงมีอาหารกลางวันกิน นอกจากนี้ ปชป.ยังทำในเรื่องของกองทุน กยศ. ทำให้จนถึงวันนี้ลูกหลานเราได้เรียนหนังสือถึงหนึ่งล้านคน และในรอบนี้ถ้าพรรคเป็นแกนนำปชป.จะให้ลูกหลานเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ในสาขาที่ขาดแคลน นี่คือความหมายของการสร้างคนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่บอกว่า สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ รวมถึงกระเป๋านักเรียนฟรี ชุดนักเรียนฟรีไปทัศนศึกษาฟรี ซึ่งท่านอภิสิทธิ์ทำไว้สมัยที่เป็นนายกจนถึงปัจจุบัน

นิพนธ์ กล่าวต่ออีกว่า พรรคประชาธิปัตย์พูดแล้วต้องทำ พี่น้อง อสม.ก็เช่นกันพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนเริ่มให้เงินค่าตอบแทน สมัยท่านอภิสิทธิ์ จนถึงปัจจุบัน รวมถึงเงินของผู้สูงอายุก็เช่นกันประชาธิปัตย์เป็นคนคิด โดยนายชวน หลีกภัยเช่นกัน จนมาถึงรัฐบาลท่านอภิสิทธิ์ ให้เงินผู้สูงอายุทุกคนตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป และประชาธิปัตย์มาประกาศส่งคนระดับดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรัฐมนตรีช่วยคลังมาพูดว่าจะทำให้หาดใหญ่เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจทางการเงิน เป็นสิ่งที่พรรคประกาศทั่วประเทศแล้ว ถ้าทำไม่ได้ประชาธิปัตย์ไม่พูด ประชาธิปัตย์กำลังฟื้นฟูหาดใหญ่ โดยการนำเอาเศรษฐกิจยุคใหม่มาเติมในหาดใหญ่ให้ได้ เพื่อให้หาดใหญ่เป็นศูนย์กลางการเงินของเอเซียเทียบเท่าสิงคโปร์ ซึ่งได้มีการประชุมเรียบร้อยหมดแล้ว เหลือเพียงให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น จะทำทันที

ในช่วงสร้างเงิน ประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจนถ้าพรรคได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สิ่งแรกที่จะทำคือตั้งธนาคารหมู่บ้านและชุมชนได้ชุมชนละ 2 ล้านบาท เพื่ออัดฉีดเงินเข้าไปในชุมชน เพื่อพี่น้องมีเงินหมุนเวียน ดังนั้นในวันที่ 14 พฤษภาคม จะมีบัตรสองใบ ใบหนึ่งกาผู้แทนเขตสีม่วงกาเบอร์ 4 นิพัฒน์ อุดมอักษร อีกใบจะเป็นบัตรสีเขียว กาพรรคประชาธิปัตย์เบอร์ 26 จะมีทั้งนายชวน นายบัญญัติ นายจุรินทร์ และนายนิพนธ์ ดังนั้นคนสงขลาต้องเลือกทั้งพรรค เลือกทั้งคน