วันที่ 26 กันยายน 2568 ที่ บริเวณลานหน้าออมทอง โรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เต็มไปด้วยบรรยากาศที่คึกคักและอบอวลด้วยรอยยิ้มของพ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการชุมชน และประชาชนทั่วไปที่มาร่วมงาน มหกรรม “THAI DEEP SOUTH CONNECT: ของดีพื้นที่ วิถีพื้นถิ่นชายแดนใต้” ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเปิดพื้นที่โชว์ของดีประจำถิ่น และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชนในพื้นที่ชายแดนใต้ พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ท่านนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานเปิดงาน โดยมี นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้อย่างคับคั่ง
บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย ทั้งร้านจำหน่ายสินค้าอัตลักษณ์ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น งานหัตถกรรม ของกินขึ้นชื่อจากชุมชน และกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน ผู้ประกอบการในพื้นที่ต่างนำสินค้าคุณภาพมาจัดแสดงและจำหน่ายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้เกิดการพบปะแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย สะท้อนให้เห็นถึงพลังของเศรษฐกิจฐานรากที่กำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า
ในการนี้ นาวาเอก จักรพงษ์ กล่าวรายงานว่า ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้รับผลกระทบจากวิกฤต โควิด–19 โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนใต้ที่ยังมีข้อจำกัดด้านโครงสร้างเศรษฐกิจ การเข้าถึงตลาด และการลงทุนจากภาคเอกชน ทำให้ประชาชนไม่สามารถสร้างรายได้เต็มศักยภาพ รัฐบาลจึงให้ความสำคัญและสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดงานมหกรรมครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย การสร้างงาน การสร้างรายได้ และการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจภายในชุมชน
งานมหกรรม “THAI DEEP SOUTH CONNECT” จะจัดขึ้นทั้งหมด 5 ครั้ง ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา โดยเริ่มต้นที่จังหวัดปัตตานี ระหว่างวันที่ 26 – 28 กันยายน 2568 ซึ่ง ศอ.บต. คาดหวังว่าการจัดงานในครั้งนี้จะสร้างเงินหมุนเวียนในชุมชนไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท และยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคธุรกิจและนักลงทุนในศักยภาพของเศรษฐกิจชายแดนใต้ ภายในงานยังมีกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การสาธิตการทำอาหารพื้นบ้าน และการจัดกิจกรรมสำหรับเยาวชนและครอบครัว สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและสะท้อนอัตลักษณ์ของวิถีชีวิตคนในพื้นที่ชายแดนใต้ได้อย่างชัดเจน
