
ศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า มีภารกิจในการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งมุ่งเน้นการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา


วันนี้ (21 ตุลาคม 2568) เวลา 10.00 น. ที่ ห้องพิกุล ศาลากลางจังหวัดยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พลตรี วิธเวช วิเศษศรี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานการประชุมหารือ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ร่วมกับศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดยะลา โดยมี นายมูฮัมมัด ศานติมุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา, ผู้แทนจากส่วนราชการทหาร ตำรวจ, หน่วยงานด้านสาธารณสุข ตลอดจนส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม


โอกาสนี้ พลตรี วิธเวช วิเศษศรี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งสร้างความเข้าใจร่วมกันและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งระดับจังหวัด อำเภอ และท้องถิ่น เพื่อให้ทุกหน่วยมีข้อมูลของผู้เสพ ผู้ค้าที่เป็นปัจจุบัน และมีการดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน


โอกาสนี้ พลตรี วิธเวช วิเศษศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2569 ถือเป็นปีสำคัญในการยกระดับการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เกิดประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยเน้นการบูรณาการด้านข้อมูล การเสริมพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน และการดำเนินงานเชิงป้องกันควบคู่กับการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ทั้งนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนและครอบครัวในการดูแลผู้ผ่านการบำบัด โดยใช้ศูนย์ CBTx ที่มีอยู่เป็นฐานการดำเนินงาน พร้อมส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือของคนในพื้นที่ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาครอบคลุมทั้งมิติของ การป้องกัน การบำบัดฟื้นฟู และการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนในระยะยาว


ด้าน นายมูฮัมมัด ศานติมุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า จังหวัดยะลา มีความยินดีที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ลงพื้นที่ร่วมขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งจะช่วยเสริมพลังให้การทำงานของจังหวัดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน


โดย รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดยะลาได้ดำเนินการเชิงรุกภายใต้ตัวชี้วัดของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และทางหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งการค้นหาผู้ค้า ผู้เสพ และกลุ่มเสี่ยง พร้อมเสริมความเข้มแข็งให้ชุมชน ทั้งด้านการแพทย์ ศาสนา และจิตวิทยา เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม ให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมดูแลกันอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ จังหวัดยะลาได้เร่งดำเนินการ Re X-Ray บัญชีผู้ค้า–ผู้เสพ ตามแผน “ยะลาโมเดล” ควบคู่กับปฏิบัติการ “No Drugs No Dealers” เพื่อกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดในทุกระดับ และสร้างหมู่บ้าน–ชุมชนปลอดยาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง จังหวัดยะลายังได้จัดตั้งศูนย์พักคอยผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติด (CI: Community Isolation) โดยได้ใช้พื้นที่ของกองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 1 ตำบลวังพญา อำเภอรามัน จังหวัดยะลา รองรับและดูแลผู้ผ่านการบำบัดให้สามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างปลอดภัย ซึ่งบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สาธารณสุข และชุมชน ในการดูแล ฟื้นฟู สร้างอาชีพ และติดตามอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ผ่านการบำบัดมีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่หวนกลับไปสู่วงจรยาเสพติด และเป็นการเสริมเกราะป้องกัน สร้างภูมิคุ้มกันให้สังคมอย่างยั่งยืนต่อไป