

วันนี้ (5 กันยายน 2568) เวลา 13.30 น. กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลตรี กรกฎ ภู่โชติ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ประกอบพิธีมอบใบประกาศและปิดการฝึกอบรมการดำเนินกรรมวิธีซักถามและกฎหมายความมั่นคงให้กับเจ้าหน้าที่ซักถามและเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมาย เพื่อเสริมสร้างความรู้ เพิ่มทักษะให้กับบุคลากรสามารถขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


พันเอก หาญพล เพชรม่วง ผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุ ว่า การพัฒนาศักยภาพศูนย์ซักถาม ปรับปรุงให้มีความพร้อมมากยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะในการดำเนินกรรมวิธีฯ ของเจ้าหน้าที่ชักถาม และเพื่อให้หน่วยซักถามได้พัฒนาศักยภาพ การดำเนินกรรมวิธีซักถามอย่างมีประสิทธิภาพตามหลักสากล ซึ่ง“ศูนย์ซักถาม”ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ทำหน้าที่ “ซักถาม” อย่างเป็นทางการ เวลาพบผู้ต้องสงสัย โดยการเชิญตัวอาศัยอำนาจตามกฎหมายพิเศษ ทั้งกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะผู้ที่ถูกจับยังไม่มีสถานะเป็น “ผู้ต้องหา” จึงต้องนำตัวไปควบคุมและซักถามยังสถานที่ที่ไม่ใช่โรงพัก เพื่อทำการขยายผลถึงการเชื่อมโยงผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่



โอกาสนี้ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยการฝึกอบรมครั้งนี้ มีความสำคัญยิ่งที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้นำองค์ความรู้ ทักษะและเทคนิคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกรรมวิธีซักถาม การรวบรวมข่าวสารด้วยบุคล หรือ HUMINT รวมถึงกระบวนการวิเคราะห์ ประเมิน และการเขียนรายงานผลการดำเนินกรรมวิธีชักถาม ทั้งหมดล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการข่าวกรอง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ตั้งใจ มุ่งมั่น ปฏิบัติภารกิจสุดกำลังความสามารถ แม้สภาวะแวดล้อมที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เชื่อมั่นว่าทุกท่านจะปฏิบัติภารกิจอย่างประสานสอดคล้องและ ครอบคลุมทุกมิติ มีประสิทธิภาพ เพื่อ นำพาความสงบสุขสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างยั่งยืน



อย่างไรก็ตาม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยึดถือวิธีปฏิบัติในการตรวจค้น และการกักตัวบุคคลที่ต้องสงสัยตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 และระเบียบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ว่าด้วยวิธิการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตั้งแต่ขั้นตอนการรับตัวผู้ต้องสงสัย, การบันทึกประวัติ การตรวจร่างกาย การจัดสิ่งอำนวยความสะดวก และการรักษาพยาบาล ซึ่งการดำเนินการทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนเคร่งครัด แม้ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ในสถานะผู้ต้องสงสัย ทุกขั้นตอน โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตลอดจนมีการจัดสถานที่โปร่งสะอาดเรียบร้อย ทั้งห้องพักผ่อน ห้องนันทนาการ ห้องเยี่ยมญาติ ควบคู่กับการจัดเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และพร้อมให้ความร่วมมือกับกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และทุกหน่วยงาน หากมีประเด็นการร้องเรียน หรือเกิดการร้องเรียนกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน สามารถเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทุกกรณี ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากพบบุคคลต้องสงสัยแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โทร 061-1732999 หรือเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้ง ขอเรียนให้ทราบว่าการสนับสนุนผู้กระทำผิดอาทิ การนำพาซ่อนเร้น การสนับสนุนที่พักพิง การสนับสนุนเสบียงอาหาร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ





