มวลชนล้นห้องประชุมปักหลักฟังปราศรัยย่อย สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย เยือนสงขลาชูผลงานปลดล็อคใบกระท่อม ปราบยาเสพติด และปลดล็อกกีฬาวัวชน ด้าน “ดร.อร” ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเขต 3 สงขลามั่นใจปักธงได้แน่นอนเชื่อประชาชนสงขลาต้องการเปลี่ยน
วันที่ 20 เม.ย. 66 ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำและผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ล่องใต้ถึงจังหวัดสงขลา ภายหลังจากลงพื้นที่หลายจังหวัดในภาคใต้เมื่อห่วงเวลาที่ผ่านมา วันนี้มาถึงคิวจังหวัดสงขลา โดยเลือกฐานที่มั่นที่ปักธงเพื่อไทยเป็นที่ เขต 3 สงขลา ซึ่งเพื่อไทยส่งผู้สมัครในนามพรรค คือ ดร.ชนัญชิดา ล่วนรักษ์ ซึ่งอดีตเคยเป็นผู้สมัครเขต 9 ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ครั้งนี้มั่นใจนโยบายปลดล็อคใบกระท่อม กีฬาวัวชน และปราบยาเสพติด โกยคะแนนได้แน่นอน
ด้าน ดร.อร ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยเขต 3 สงขลา เผยว่า ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยไม่ใช่นโยบายขายฝันเราคือพรรคที่มีประชาธิปไตยกินได้ทำได้จริง เพราะฉะนั้นในพื้นที่เขต 3 ที่พ่อแม่พี่น้องเห็นได้ชัด
“เช่นนโยบายเงินดิจิตอล 10,000 บาท ซึ่งในเขต 3 มีประชากรกว่า 1 แสนสองหมื่นคน ซึ่งเงินจำนวนนี้หากหมุนเวียนมาในเขต 3 ทั้งหมด ก็จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเท่ากับ 1290 ล้านบาท ทำให้มีเงินหมุนเวียนในชุมชนรัศมี 4 กิโลเมตร เมื่อไหร่ที่เงินหมุนเวียนสู่ชุมชนก็จะทำให้เศรษฐกิจที่จะสามารถต่อยอดต่อไปได้” ดร.อร กล่าว
ขณะที่นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนเดินทางไปหลายจังหวัดในภาคใต้ซึ่งกระแสของพรรคเพื่อไทยดีมากจนกระแสพรรคการเมืองอื่นที่มาหาเสียงพูดเองว่าให้เลือกพรรคเพื่อไทยไปเลย และสำหรับผู้สมัครเขตเชื่อว่าได้มากว่า 1 ที่นั่งอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้ขอประมาณการไว้เพียงเท่านี้ก่อนเพราะยังเหลือเวลาอีกอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปได้มาก ซึ่งเมื่อถึงวันนี้เราอาจจะได้มากกว่านี้เมื่อถึงวันนั้น
“อย่างเช่นเขต 3 จังหวัดสงขลาก็ต้องเลือกดร.อรให้มากที่สุด เพื่อให้เพื่อไทยได้มีที่นั่งเพิ่มและเราจะได้จัดตั้งรัฐบาลจากนั้นก็จะสามารถทำตามนโยบายที่เราวางไว้ได้อย่างแน่นอน” นายสมศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่เขต 3 สงขลา มีผู้สมัครตัวเต็งจาก 3 พรรคการเมืองใหญ่คือเบอร์ 1 ดร.ไพร พัฒโน จากพรรคภูมิใจไทย และเบอร์ 4 สมยศ พลายด้วง จากพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐที่ขณะนี้ย้ายขั้วมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว คือ นายพยม พรหมเพชรหมายเลข 8 ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ขับเขี้ยวแย่งชิงกันอย่างหนักหน่วงพอสมควรสำหรับจังหวัดสงขลา
