วันอาทิตย์, 12 ตุลาคม 2568

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้การอุปถัมภ์กิจการศาสนาอิสลามอย่างต่อเนื่อง ต่อพสกนิกรในจังหวัดชายแดนภาคใต้

พี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) ที่ทรงมีพระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตาธรรม และทรงตระหนักถึงความสำคัญของการทำนุบำรุงพระศาสนาและสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ในการธำรงไว้ซึ่งความสงบสุข ความเข้าใจอันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพสกนิกรชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทรงมีพระราชดำริในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการศาสนาอิสลาม ตลอดจนความอยู่ดีกินดีของพสกนิกรอย่างต่อเนื่อง

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในงานสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม เช่น งานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ซึ่งพระองค์ได้ทรงเสด็จฯ เข้าร่วมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 และยังทรงพระราชทานถ้วยรางวัลในการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน ทั้งในระดับภาคใต้และระดับประเทศอย่างสม่ำเสมอ แสดงถึงพระราชหฤทัยที่ทรงให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมศาสนาอิสลามและคุณธรรมของเยาวชนมุสลิมไทย นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงสนับสนุนการศึกษาอย่างจริงจัง โดยการจัดตั้ง “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” (ม.ท.ศ.) ซึ่งได้พระราชทานทุนการศึกษาแก่เยาวชนในพื้นที่ห่างไกลและขาดแคลน รวมถึงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยเปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนจำนวนมาก

 สิ่งที่ตราตรึงในใจพสกนิกรชาวไทยมุสลิมคือ ความผูกพันที่พระองค์ทรงมีต่อพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะพระราชดำรัสว่า “ยังไงเราก็ต้องมา” ที่ทรงตรัสเมื่อครั้งเสด็จฯ ลงพื้นที่ ทำให้พสกนิกรในพื้นที่รู้สึกอบอุ่นใจและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

พระองค์ยังทรงพระราชทานรางวัลแก่บุคลากรด้านการศึกษาในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ที่มีความประพฤติดีและมีผลงานโดดเด่น ส่งผลให้เกิดแรงจูงใจและความภาคภูมิใจในวิชาชีพของครูและนักเรียนมุสลิมในพื้นที่ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีพระราชปณิธานที่จะสืบสานงานแปล พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน ซึ่งถือเป็นภารกิจที่แสดงถึงการให้เกียรติและเคารพในหลักความเชื่อทางศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง

จากพระราชกรณียกิจทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สถาบันพระมหากษัตริย์มิใช่เพียงศูนย์รวมใจของคนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความห่วงใย ความเข้าใจ และความเคารพในความหลากหลายของศาสนาและวัฒนธรรมของประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพระองค์ทรงให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง และในโอกาสนี้ พี่น้องชาวไทยมุสลิมต่างพร้อมใจแสดงความจงรักภักดี และตั้งปณิธานว่าจะธำรงไว้ซึ่งความรัก ความสามัคคี และดำรงชีวิตตามหลักศาสนาอิสลามอย่างมั่นคง ภายใต้ร่มพระบารมีของพระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณอย่างแท้จริง