เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ณ ที่ โรงแรมตรังกรุงเทพนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับ นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนหารือร่วมกับผู้แทนพระภิกษุสงฆ์ในพื้นที่จังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และจาก 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา และเครือข่ายพุทธศาสนิกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายนิพนธ์ กล่าวว่า “ได้ติดตามการทำงานของ ศอ.บต.มาโดยตลอดในฐานะรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย และในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) และขอให้ทุกฝ่ายได้คลายกังวล และขอยืนยันให้มั่นใจได้ว่าผมพร้อมรับฟังและประสานการแก้ไขทุกปัญหาของพี่น้องประชาชน ทั้งประเด็นการตั้งคณะทำงานใน 2 ระดับ เพื่อบูรณาการงานเชิงนโยบายและงานระดับพื้นที่ ที่มีกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ศอ.บต. ฯลฯเป็นแกนกลางเพื่อประสานบูรณาการทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งการส่งเสริม สนับสนุนกิจของสงฆ์ในประเด็นเร่งด่วน 3 ด้านได้แก่การศึกษาเคราะห์ การเผยแผ่ และสาธารณสงเคราะห์(ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมพระพุทธศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงพระพุทธศาสนาในพื้นที่จชต.”
“นอกจากนี้ สิ่งที่ผลักดันขับเคลื่อนมาโดยตลอดและเกิดรูปธรรมแล้วก็คือเรื่องการศึกษา ที่ขณะนี้ 3 จังหวัดมีสถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาครบทุกจังหวัดแล้ว อย่างที่จ.ปัตตานีก็มีม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่จ.ยะลา ก็มีม.ราชภัฏยะลา และที่จ.นราธิวาสก็มีม.นราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักในการต่อยอดและเสริมสร้างความมั่นคงด้านการศึกษาในพื้นที่ การขับเคลื่อนต่อจากนี้ก็คือเรื่องของการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่เนื่องจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจังหวัดที่มีรายได้ประชากรต่อหัวต่ำที่สุดในประเทศ ซึ่งต้องมีการยกระดับปัจจัยต่างๆเพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องการยกระดับการผลิตสินค้าภาคการเกษตร การกรรมสิทธิ์ในที่ดิน การเสริมสร้างช่องทางจำหน่ายตลาดออนไลน์ ตลอดจนการพัฒนาแห่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรม เป็นต้น
จะเป็นการช่วยเสริมสร้างให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ที่ดีขึ้น สร้างงาน สร้างรายได้ ให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเล็งเห็นถึงต้นตอของปัญหาในพื้นที่แล้วว่าต้องเริ่มจากการแก้ปัญหาความยากจนก่อนจึงจะทำให้ภาคส่วนต่างๆสามารถดำเนินต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม การสร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในการดำรงชีวิตประจำวันต้องดำเนินควบคู่กัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตอยู่ได้ สู่เป้าหมายสูงสุดคือการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างสันติสุข”นายนิพนธ์กล่าว