วันพฤหัสบดี, 31 ตุลาคม 2567

จังหวัดสงขลา จัดพิธีบวงสรวงเสาหลักเมืองสงขลา บริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุข และเป็นสิริมงคลแก่ชาวเมืองสงขลา ที่อยู่คู่ชาวสงขลามายาวนานถึง 179 ปี

วันที่ 10 มี.ค. 64นายนิพนธิ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีบวงสรวงเสาหลักเมืองสงขลา บริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชาวเมืองสงขลา คอยปกป้องคุ้มครองให้ชาวจังหวัดสงขลาอยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากทุกข์ภัยและอันตราย และอยู่คู่ชาวสงขลามายาวนานถึง 179 ปี โดยมีนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นางกัญจนา เกลี้ยงเกลา ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นางสุรียพรรณ์ ณ สงขลา นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชนชาวสงขลา เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19

จังหวัดสงขลา เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเสาหลักเมืองไม้ชัยพฤกษ์แก่เมืองสงขลาและได้มีการวางเสาหลักเมือง ณ ศาลหลักเมืองสงขลา ถนนนางงาม อำเภอเมืองสงขลา ในวันที่ 10 มีนาคม 2385 จังหวัดสงขลาจึงถือเอาวันที่ 10 มีนาคม ของทุกปีเป็นวันสงขลา และมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ซึ่งเมืองสงขลาในอดีตได้ย้ายที่ตั้งเมืองมาแล้ว 3 ครั้ง โดยเริ่มจากเมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดง เมืองสงขลาฝั่งแหลมสนและเมืองสงขลาฝั่งบ่อยางเป็นเมืองสงขลาในปัจจุบัน

สำหรับศาลหลักเมืองสงขลา ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยเชื้อสายจีนทั้งในจังหวัดสงขลา และจังหวัดใกล้เคียง มีองค์เทพศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องรักษาเมืองให้พ้นภัยพิบัติต่างๆ และเป็นที่เคารพสักการะ ทั้งองค์เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ เสี่ยงฮ๋องเหล่าเอี๋ย เจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา พระเสื้อเมือง โบ้เชงไต่เต่ พระหมอรักษา ตี่ฮู่อ๋องเอี๋ย เทพเจ้ารักษาโรค และเฉ่งจุ้ยจ้อ พระหมอเทพรักษาโรคภัยของชาวสงขลา เป็นที่เคารพสักการะมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ศาลหลักเมืองสงขลา เป็นโบราณสถานสมัยรัตนโกสินทร์ ลักษณะเป็นศาลเจ้าแบบเก๋งจีน และกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนศาลเจ้าหลักเมืองเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478